วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560

Toefl by Rath Panyowat

by Rath Panyowat 

Step 1: Build vocabulary

หาหนังสือ vocab แล้วนำศัพท์ไปประเมินในเวป vocabulary.com ถ้าต่ำกว่า 1000 "ต้องรู้" ต่ำกว่า 5000 ควรรู้ จากนั้นเข้าไปที่ส่วน Practice แล้วก็ฝึกไปเรื่อยๆ จะได้ 100% Mastered จะสะดวกกว่ามากถ้าทำในแอพ iPad

Step 2: Grammar

  1. ซื้อหนังสือมาอ่าน เอาแบบสรุปๆ ที่สำคัญไม่ต้องลงรายละเอียดเยอะ
  2. อยากรู้เรื่องไหนดู Youtube เอา
  3. Youtube อย่างเดียวมักไม่พอต้อง google หา reference เพิ่มเติม เช่นเว็บ Grammar Bytes

Step 3: Reading and Listening

Barron’s TOEFL iBT with Audio CDs and CD-ROM 

Step 4: Writing

  1. Grammarly.com ใช้ตรวจทาน Grammar ของสิ่งที่เราเขียน โดยตรวจได้ฟรี และมีแบบเสียเงิน ใช้แบบฟรีก็ได้ งานเขียนในระดับสอบ TOEFL มันไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น 
  2. ดูตัวอย่างงานเขียนเยอะๆ
  3. หนังสือ Speaking and Writing Strategies for the TOEFL iBT  
  4. ใน coursera หรือ MOOC อื่นๆ (เช่น edXFutureLearn) จะมีสอน writing เยอะอยู่ส่วนใหญ่ใช้เวลาไม่นาน
  5. เตรียมเรื่องเขียน 15 วัน เขียนวันละ 3 essay ก็รวมๆ เกือบ 50 essay ช่วงแรกๆ ที่เขียนมีปัญหาในการนึกคำ ก็เปิด Thesaurus ไปด้วยครับ คำไหนไม่แน่ใจก็ google

Step 5: Speaking

  1. Online course ของอาจารย์อดัมครับ ผมไปสมัครคอร์ส English Pronunciation Course มา เนื้อหา 6 ชม.
  2.  Phonetics by University of Iowa  คือจะบอกเราทีละเสียงเลยว่าแต่ละเสียงออกเสียงอย่างไร ทำปากยังไงเวลาพูด ก็ดูประกอบกับอาจารย์อดัมครับ
  3. พูดให้รู้เรื่อง ลำดับความคิดได้
  4. อ่านบทความ หรือฟัง TED talk แล้วพูดสรุปประเด็นสำคัญในนั้น

Step 6: Tools อื่นๆ

  1. NoteFull
  2. Engvids.com เป็นแหล่งรวมวิดีโอสอนภาษาอังกฤษ
  3. Grammar Girl ออกแนว tips เกี่ยวกับ grammar มากกว่า 


วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2560

การบัญชีบริหาร Managerial Accounting



เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการนำข้อมูลทางการบัญชีมาเพื่อใช้ประโยชน์ภายในองค์กร โดยเฉพาะเพื่อเป็นข้อมูลที่ช่วยในการตัดสินใจ วางแผน การควบคุมและการประเมินผลของฝ่ายบริหาร บัญชีบริหารจะเป็นข้อมูลที่มีรายละเอียดเชิงลึกซึ่งมีข้อมูลที่มากกว่าที่ปรากฏอยู่ในงบการเงิน (หรือที่เรามักเรียกกันว่า การบัญชีการเงิน) บัญชีบริหารจะเกี่ยวข้องกับหน่วยงานในระดับต่างๆขององค์กร เป็นข้อมูลที่เป็นความลับเฉพาะฝ่ายบริหารและระดับหัวหน้าหน่วยงานในองค์กร และไม่เปิดเผยแก่บุคคลภายนอกหรือต่อสาธารณะ การบัญชีบริหาร ปัจจุบันเป็นวิชาชีพด้านหนึ่งในด้านต่างๆ ตามที่ระบุอยู่ในพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๔๗ และในสภาวิชาชีพบัญชี

การบัญชีการเงินนั้นเน้นเสนอข้อมูลเกี่ยวกับงบการเงิน (ซึ่งได้แก่ งบดุล งบกำไรขาดทุน งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น งบกระแสเงิน) แก่ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น เจ้าหนี้ นักลงทุน และหน่วยงานราชการ (ได้แก่ กรมสรรพากร และกระทรวงพาณิชย์) ในขณะที่ การบัญชีบริหาร เน้นนำเสนอข้อมูลเพื่อการบริหาร เพื่อการตัดสินใจ การวางแผน การอำนวยการ และการควบคุม โดยเสนอแก่ ฝ่ายบริหารของกิจการ ได้แก่ ประธานกรรมการ กรรมการบริหาร ผู้จัดการฝ่าย เป็นต้น

กระบวนการในบัญชีบริหารนั้น ประกอบด้วยการวัดผลงาน การรวบรวมข้อมูล จัดกลุ่มหรือหมวดหมู่ การจัดเตรียมข้อมูล การแปลความหมาย การกำหนดค่า และวิเคราะห์ตัวเลข เพื่อตอบสนองการใช้งานของฝ่ายบริหารโดยตรง ซึ่งส่วนใหญ่ย่อมเกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิต ต้นทุนการผลิต ค่าใช้จ่ายต่างๆ ประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรในองค์กร บัญชีบริหารมักจัดทำโดยอาศัยข้อมูลจากบัญชีการเงิน ประกอบกับข้อมูลทางตรงจากหน่วยงานต่างๆ เช่น ฝ่ายผลิต ฝ่ายขาย ฝ่ายบริการซ่อมบำรุง หรือฝ่ายบริการต่างๆ เป็นต้น 

การบัญชีบริหารเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องราวของ “ต้นทุน” จนบางครั้งมีคนเรียก “บัญชีบริหาร” ว่า “บัญชีต้นทุน” ก็มี หากแต่ขอบเขตของการบัญชีบริหารนั้น พัฒนาขึ้นมาจากการบัญชีต้นทุน โดยมีขอบเขตที่กว้างกว่า เนื่องจากเน้นเทคนิคและวิธีการอื่นๆที่ผู้บริหารสามารถนำมาใช้เพื่อประกอบการบริหารงานและการตัดสินใจ 

การบัญชีต้นทุนนั้น เกี่ยวข้องกับเรื่อง การจำแนกต้นทุน การศึกษาพฤติกรรมของต้นทุน การประมาณการต้นทุน การควบคุมต้นทุน และการวิเคราะห์ผลต่าง การวิเคราะห์ต้นทุนเพื่อการวางแผนและการตัดสินใจของฝ่ายบริหาร การตั้งราคาโอน เป็นต้น

ในอดีตเรามักใช้เทคนิคที่เรียกว่า “การวิเคราะห์ผลแตกต่าง” (Variance Analysis) ซึ่งเป็นระบบการวัดโดยเปรียบเทียบระหว่าง “งบประมาณ” กับ “ตัวเลขที่เกิดขึ้นจริง” สำหรับปริมาณการใช้วัตถุดิบ ค่าแรงงาน ที่เกิดขึ้นในงวดต่างๆของการผลิต 

ในปัจจุบันได้มีวิธีการที่ใช้ในการวิเคราะห์ใหม่ๆเกิดขึ้น เช่น การวิเคราะห์ต้นทุนโดยดูจากวงจรการผลิต (Life Cycle Cost Analysis) การบัญชีต้นทุนกิจกรรม (Activity Based Costing หรือที่เรียกว่า ABC) Balance Scorecard (BSC) และ KPI (Key Performance Indicator) เป็นต้น 

การวิเคราะห์ต้นทุนโดยดูจากวงจรการผลิตนั้น เป็นแนวคิดที่เชื่อว่า เราสามารถกำหนดต้นทุนของผลิตภัณฑ์จากขั้นตอนการออกแบบ ก่อนที่วงจรการผลิตจะเริ่มต้น การเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดการออกแบบบางประการจะสามารถเปลี่ยนแปลงต้นทุนได้เป็นอย่างมาก 

การบัญชีต้นทุนกิจกรรม เป็นแนวคิดที่เชื่อว่า ต้นทุนการผลิต นั้นมีปัจจัยกำหนดที่สำคัญคือ กิจกรรม ที่เกิดขึ้น ในระหว่างการผลิต จึงนำกิจกรรมต่างๆมาวิเคราะห์แจกแจงออกมา แล้วดูว่า กิจกรรมใดเป็นตัวผลักดันให้เกิดต้นทุนเป็นจำนวนมาก เรียกกิจกรรมที่เป็นตัวผลักดันสำคัญว่า เป็น Cost Driver ในบัญชีต้นทุนกิจกรรมนั้น มองค่าแรงงานทางตรงเป็น Cost Driver ที่สำคัญตัวหนึ่ง

Balance Scorecard คือระบบการบริหารงานและประเมินผลขององค์กร โดยพิจารณาจากผลที่เกิดขึ้นจากกระบวนการต่างๆ โดยเป็นเครื่องมือสำหรับการวางแผนและบริหารเชิงกลยุทธ์ (Strategic Planning) โดยใช้หลักความสมดุลในมุมมองต่างๆ ๔ ด้าน ได้แก่ ด้านการเงิน ด้านลูกค้า ด้านการดำเนินงานภายใน และด้านการเรียนรู้และพัฒนา ซึ่งเรียกกันโดยตัวย่อว่า F-C-I-L หรือ Financial, Customer, Internal, Learning and Growth 

Key Performance Indicator นั้นคือการหาตัวดรรชนีชี้วัดที่สำคัญและเกี่ยวกับกิจการ อาจเป็นตัวชี้วัดที่ทำให้เรามองเห็นโอกาสที่จะเกิดปัญหาในจุดต่างๆ หรือเป็นตัวบ่งชี้ที่บอกให้เราทราบจุดที่ควรปรับปรุงแก้ไข หรือเพิ่มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในจุดที่การวัดค่ามักจะทำได้ยาก เช่น การวัดความพึงพอใจต่อการให้บริการ

ในวงการบัญชีบริหารนั้น ก็มีการพัฒนาวิชาชีพ โดยมีการรวมตัวกันเป็นองค์กรวิชาชีพเป็นเครือข่ายของผู้ประกอบวิชาชีพ มีองค์กรที่ชื่อว่า CIMA หรือ The Chartered Institute of Management Accountants และ Institute of Management Accountants เป็นเสมือนสถาบันของนักบัญชีบริหารนั่นเอง บุคคลที่ประกอบอาชีพในด้านนี้ก็มีใบอนุญาตที่เรียกกันว่า CMA หรือ Certified Management Accountant ก็เหมือนกับในวงการผู้สอบบัญชีที่มี CPA และ CA ที่ย่อมาจาก Certified Public Accountant และ Chartered Accountant ตามลำดับ

บริษัทขนาดกลาง ถึง ขนาดใหญ่ จะมีฝ่ายบัญชีบริหารแยกต่างหากจากฝ่ายบัญชีการเงิน เพื่อนำข้อมูลในงบการเงินมาจัดทำบัญชีบริหาร บางแห่งที่เป็นบริษัทข้ามชาติ ฝ่ายบัญชีบริหารอาจจะมีหน้าที่เพิ่มเติม คือเป็นหน่วยงานที่ต้องปรับปรุงงบการเงินจากบัญชีการเงิน ให้อยู่ในรูปแบบตามมาตรฐานการบัญชีสากล หรือ มาตรฐานการบัญชีเฉพาะของประเทศใดประเทศหนึ่งต่างหากจากมาตรฐานการบัญชีท้องถิ่นก็มี

การบัญชีการเงินนั้น มีมาตรฐานการบัญชีเป็นตัวกำกับ อยู่ในรูปแบบที่เป็นตัวเลขและจำนวนเงิน มีรูปแบบการรายงานตามมาตรฐานการบัญชี แต่การบัญชีบริหารนั้น ใช้วิธีการวิเคราะห์รายงาน เพื่อตอบสนองความต้องการของฝ่ายบริหาร เป็นอิสระจากหลักการบัญชีทั่วไป โดยรูปแบบของข้อมูลอาจมีหลายลักษณะไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปของตัวเลขเสมอไป การบัญชีบริหารไม่มีหลักการที่แน่นอนตายตัว สามารถเลือกวิเคราะห์ข้อมูลเพียงบางส่วน และใช้ดุลยพินิจในการเลือก รวบรวมข้อมูล และการเลือกใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์

การบริหารงานในปัจจุบัน บทบาทของการบัญชีบริหารได้ขยายขอบเขตออกไปครอบคลุมเรื่องต่างๆมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ดังที่กล่าวในตอนต้นว่า เทคนิคและเครื่องมือต่างๆที่มีการคิดค้นออกมาใช้ การให้ความสำคัญกับการทำแผนธุรกิจ การทำงบประมาณ การประมาณการกระแสเงินสด การวัดความพึงพอใจของลูกค้า การมุ่งหาจุดอ่อนและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน การผลิต และการให้บริการ การบัญชีบริหาร ซึ่งเดิมที เน้นเพียงเรื่อง ต้นทุนการผลิตสำหรับกิจการที่ผลิตสินค้า หรือ ผลิตภัณฑ์เท่านั้น ปัจจุบันได้มีการขยายขอบเขตมาประยุกต์ใช้เพิ่มเติมในภาคธุรกิจบริการ ความพยายามของมนุษย์ที่จะวัดค่า (Quantify) แม้กับสิ่งที่เป็นนามธรรม ให้ออกมาเป็นมูลค่าที่เปรียบเทียบกันได้ ย่อมทำให้เกิดการพัฒนากระบวนการการได้มาซึ่งตัวเลขเพื่อเป็นฐานในการประเมินค่าสิ่งต่างๆ แม้จะไม่เป็นตัวเงินก็ตาม

ที่มา : https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=panfah-prajan&month=07-04-2010&group=3&gblog=1 

Toefl by Rath Panyowat

by Rath Panyowat  Step 1: Build vocabulary หาหนังสือ vocab แล้วนำศัพท์ไปประเมินในเวป vocabulary.com ถ้าต่ำกว่า 1000 "ต้องรู้"...